วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ฃ ฃวด อยู่หนใด






ฃ ฃวด อยู่หนใด

          อักษร ฃ นี้เป็นอักษรไทยดั้งเดิม ไม่ปรากฎในชุดอักษรภาษาอื่นๆ ฃ (ขวด) เป็นพยัญชนะ ตัวที่ 3 ในบรรดาพยัญชนะ 44 ตัวของอักษรไทย ในลำดับถัดจาก ข(ไข่) และก่อนหน้า ค (ควาย) จัดอยู่ในกลุ่มอักษรสูง ในระบบไตรยางศ์ ออกเสียงอย่าง ข (ไข่) มีชื่อเรียกกำกับว่า ฃ ขวดเป็นอักษรที่ไม่นิยมใช้แล้ว ปัจจุบัน ไม่มีคำศัพท์ในหมวดคำ ฃ ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แต่ยังมีการใช้อักษร ฃ ในบางแวดวง นัยว่าเพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้ตัวอักษรไทยมีใช้ครบ 44 ตัว รวมถึงมีการพูดถึงการฟื้นฟูการใช้งานอักษร ฃ ขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตาม ในแบบเรียนอักษรไทย ยังคงมีอักษร ฃ อยู่ รวมถึงบนแป้นพิมพ์ก็ยังคงมีปุ่มสำหรับอักษร ฃ และ ฅ อยู่

ประวัติการใช้ ฃ

       หลักฐานเก่าแก่ที่สุดที่ปรากฏการใช้ ฃ ในภาษาไทย คือ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หรือศิลาจารึกหลักที่ 1 มีการใช้ ฃ อยู่ 11 คำ ได้แก่ ฃับ (ขับร้อง), ฃ๋า (ฆ่า, ในสมัยนั้น เครื่องหมายกากบาท ตรงกับไม้โทในการเขียนแบบปัจจุบัน), ฃาม (มะขาม), ฃาย (ขาย), เฃา (ภูเขา), เฃ๋า (เข้า, ข้าว), ฃึ๋น (ขึ้น), ฃอ (ตะขอ), ฃุน (พระเจ้าแผ่นดิน), ฃวา (ขวา), แฃวน (แขวน) การใช้ ฃ ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงเป็นไปอย่างแม่นยำ หมายความว่า ไม่มีการใช้ ข ในคำที่ใช้ ฃ นั้นเลย

       หลังศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง เริ่มมีการใช้ ข และ ฃ สับสน และใช้แทนที่กันในหลายแห่ง เช่น ใช้ ขุน บ้าง ฃุน บ้าง ครั้นมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา การใช้ ฃ เริ่มลดลงอย่างมาก แต่ก็ยังมีใช้ ทว่าไม่ปรากฏหลักเกณฑ์การใช้ ฃ ในตำราว่าด้วยอักขรวิธีของไทยในสมัยนั้น

       ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 5 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ระบุคำที่เขียนด้วย ฃ ในหนังสือชื่อ นิติสารสาธก เล่ม 1 ได้แก่ ฃอ, ฃ้อความ, ฃัน, ฃาน, ฃาด, ฃายหน้า, ฃำ, เฃา, เฃ้า, ฃุน, ไฃ, โฃก, ฃอง, เฃียน, ฃยัน และฃลุม

       ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการใช้ ฃ อยู่บ้าง แต่พบได้น้อยเต็มที ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อมีปทานุกรมของกระทรวงธรรมการ พ.ศ. 2470 ก็มีการระบุไว้ว่า ฃ เป็นพยัญชนะตัวที่สามของพยัญชนะไทย แต่บัดนี้ไม่มีที่ใช้เป็นอันหมดวาระของ ฃ ลง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยิ่งไปกว่านั้น แม้ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2493 จนถึงฉบับปรับปรุงแก้ไข พ.ศ.2542 ก็ได้ให้คำอธิบายตัวอักษร 2 ตัวคือ ฃ และ ฅ ว่า "เลิกใช้แล้ว " ทั้งที่ไม่เคยมีการประกาศเลิกใช้ แต่อย่างใด

       ล่าสุด ใน วันภาษาไทยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 ได้มีความพยายามในการรื้อฟื้นการใช้งานตัวอักษร ฃ และ ฅ ขึ้นใหม่ พร้อมกับเสนอให้แก้ข้อความในพจนานุกรมฯ ใหม่เป็นคำว่า "ปัจจุบันไม่ปรากฏที่ใช้งาน" แทนคำว่า "เลิกใช้แล้ว" เพื่อป้องกันความสับสนด้วย


ฃ หายไปไหน

       นักภาษาศาสตร์ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของพยัญชนะ ฃ และสันนิษฐานว่า ฃ นั้นเดิมมีฐานเสียงที่แตกต่างจากฐานเสียงของ ข โดยมีลักษณะเสียงเป็น พยัญชนะลิ้นไก่อโฆษะ ซึ่งพบได้ในภาษาต่างๆ ในกลุ่มภาษาไท และภาษาอื่น ทว่าในภายหลังหน่วยเสียงนี้ค่อยๆ สูญหายไป โดยออกเสียง ข แทน

       เป็นที่น่าสังเกตว่า ฃ มีใช้ในตำแหน่งที่เป็นพยัญชนะต้น ไม่ปรากฏในตำแหน่งตัวสะกดเลย นอกจากนี้ยังมีข้อที่น่าสังเกตว่าคำว่า "ขวด" ซึ่งเป็นชื่อของพยัญชนะตัวนี้ ก็ไม่เคยเขียนด้วย ฃ (นั่นคือ ฃวด) มาก่อนเลย

       สาเหตุที่ทำให้เลิกใช้ ฃ (ขวด) และ ฅ (คน) นั้น คงเนื่องมาจากพิมพ์ดีดภาษาไทยในสมัยแรก ๆ นั่นเองที่แป้นอักษรไม่มี ฃ และ ฅ เนื่องจากก้านอักษรมีไม่พอกับจำนวนสระพยัญชนะและวรรณยุกต์ในภาษาไทย จึงต้องตัดคำบางคำหรือเครื่องหมายตัวออกไปบ้าง

ที่มา   สุริยา รัตนกุล. "ฃ ฅ หายไปไหน?".

วารสารธรรมศาสตร์ ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 มิถุนายน-ตุลาคม พ.ศ. 2515



ความรู้เกี่ยวกับ ขวด พลาสติก

      ขวดพลาสติกที่ใช้ใส่น้ำดื่มอยู่ทุกวันนี้ ดูคล้ายว่าจะเป็นทางเลือกที่ดี เพราะ ดูสะอาด น้ำหนักเบา และตกไม่แตก หลายๆ คนชอบเก็บขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำดื่ม และน้ำแร่ประเภทขวดลิตร หรือสองลิตร ที่ทำจากพลาสติกที่เรียกว่า PET เอาไว้ใส่น้ำดื่ม ดูๆ เหมือนว่าจะปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วก่อนที่จะคิดนำมาใช้งาน อยากจะให้ทุกๆ คนทราบข้อมูล ดังต่อไปนี้

- ขวดพลาสติกพวกนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะภายในขวดพวกนี้ไม่ได้เคลือบสารกันสารพิษจากพลาสติก เมื่อนำขวดพลาสติกพวกนี้กลับมาใส่น้ำหรือเครื่องดื่มอื่น สารพิษในเนื้อพลาสติกจะแทรกซึมเข้าไปรวมตัวกับเครื่องดื่ม สังเกตง่ายๆ คือ น้ำหรือเครื่องดื่มที่อยู่ในขวดพลาสติก จะมีกลิ่นเหม็นของสารเคมี

- ถ้าจำเป็นต้องนำขวดพลาสติกเก่า มาใช้ใหม่ จะต้องห้ามใช้นานกว่า 2 3 วัน หรืออย่างมาก 1 สัปดาห์

- ห้ามเก็บขวดไว้ในที่ร้อนๆ หรือโดนแดด

- ไม่ว่าจะล้างขวดด้วยวิธีใด ก็ไม่ช่วยในการลดอันตรายจากสารพิษในพลาสติก และยังเป็นการเร่งให้พลาสติกเสื่อมตัวเร็วขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้น ขอให้เลี่ยงการนำขวดพลาสติกชนิด
PET ที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่จะเป็นการดีที่สุด

แหล่งที่มา: ข้อมูลช่วยชาติ ลดขยะพลาสติกและโฟม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 








Read More......

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หน้าของ ข ไข่




หมดเรื่องของ ก ไก่ ต่อไปก็เป็นหน้าของ ข ไข่ ไข่เป็นอาหารดีมีประโยชน์ที่หาง่ายที่สุด ปรุงง่ายที่สุด ราคาไม่แพง ย่อยง่าย อุดมด้วยคุณค่า รับประทานได้ทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่ ทำได้ทั้งคาวและหวาน แต่ คุณรู้จักไข่ดีพอมั้ย หรือคุณรู้อะไรเกี่ยวกับไข่บ้างล่ะ ยกอย่างเช่น




1.ทำไมไข่ทุกฟองจึงไม่ฟักเป็นตัว?

ไข่ไก่ที่เรารับประทานทุกวันนี้ เป็นไข่ที่ไม่ผ่านกระบวนการปฏิสนธิ คือ ไม่มีการผสมกันระหว่างเชื้อของตัวผู้และไข่ของตัวเมีย แต่ในระบบสืบพันธุ์ของไก่ตัวเมียจะมีรังไข่และท่อรังไข่ รังไข่นี้มีหน้าที่ผลิตไข่ ไข่ที่ผลิตแต่ละฟองจะถูกปล่อยออกมาตามท่อรังไข่อย่างสม่ำเสมอ และแม่ไก่ก็พร้อมจะวางไข่ กระบวนการนี้จะดำเนินไปตลอด ไม่ว่าไข่จะมีการปฏิสนธิหรือไม่ก็ตาม


2.ไข่สุก-ไข่ดิบ อะไรมีประโยชน์กว่ากัน?

ไม่ควรรับประทานไข่ดิบ เพราะในไข่ดิบอาจจะมีเชื้อโรค และไข่ขาวดิบยังย่อยยากอีกด้วย หากเรารับประทานไข่ขาวดิบเข้าไป มันจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไปโดยไม่ได้ย่อย ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ หากจะรับประทานไข่ลวก ควรลวกให้ไข่ขาวสุกเสียก่อน นอกจากอร่อยกว่าแล้วยังปลอดภัยจากเชื้อโรคโดยเฉพาะไข้หวัดนกอีกด้วย

3.ช่องวางไข่ในตู้เย็น ทำให้อายุไข่สั้น?

เปลือกไข่มีลักษณะเป็นรูพรุนตลอดทั้งฟอง รูที่เปลือกมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ผิวไข่ที่เห็นจึงดูเรียบเนียน และเพราะเปลือกมีรูพรุนทำให้ไข่สามารถดูดซึมกลิ่นต่างๆ ได้ง่าย จึงไม่นิยมเก็บไข่ไว้กับอาหารที่มีกลิ่นฉุน อย่างกะปิ น้ำปลา การเก็บไข่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นจะเหมาะกว่าเก็บที่อุณหภูมิปกติ และควรใส่ในภาชนะแล้ววางไว้บนชั้นวางธรรมดาในตู้เย็น ดีกว่าใส่ในช่องวางไข่ที่ฝาผนังตู้เย็น ซึ่งจะมีอุณหภูมิสูงทำให้ไข่เสียเร็วกว่าที่ควร

4.เก็บไข่ควรนำด้านแหลมลง?

การวางไข่โดยเอาด้านแหลมลง และให้ด้านป้านอยู่บนไข่แดงที่มีน้ำหนักเบากว่าไข่ขาว แม้จะพยายามลอยตัวขึ้นบน แต่ก็จะปะทะกับโพรงอากาศที่อยู่ทางด้านป้าน ไม่ปะทะกับเปลือกไข่ ไข่แดงจึงอยู่กลางใบ หากเราเปลี่ยนเอาทางด้านป้านลง ไข่แดงจะลอยขึ้นไปติดที่เปลือกไข่ ทำให้ไข่แดงแตกง่ายเวลาตอก การเก็บไข่จึงควรนำด้านแหลมลงทุกครั้ง

5.ไข่ไม่ได้เป็นแค่อาหาร

- ไข่ขาว นำมาทำเป็นส่วนประกอบของยาบางชนิด ทำสีทาสิ่งของ ทำกาว ทำหมึกพิมพ์ ช่วยย้อมหนัง กำจัดสิวเสี้ยน

- ไข่แดง ทำสบู่ สี แชมพู ตกแต่งหนังสัตว์ บำรุงผิว

- เปลือกไข่ ทำอาหารสัตว์ ปุ๋ย และนำไปทำสิ่งประดิษฐ์ได้อีกหลายสิบอย่าง

นอกจากนี้ คุณยังรู้อีกมั้ยว่า

             การไม่รับประทานไข่อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมอง ไข่หนึ่งฟอง มีปริมาณวิตามินบี 12 มากกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนำ ให้บริโภคต่อวันเสียอีก "วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาทถ้าขาดวิตามินบี 12 เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้"

             ดังนั้นการรับประทานไข่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะ ในไข่แดงมีสารช่วยบำรุงจอประสาทตาและแคโรทีนอยด์ (carotenoids) ในไข่แดงช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อเสื่อม และปัญหาสายตาในผู้สูงอายุ

             ไข่เจียวถือเป็นยาบำรุงร่างกายได้เลย เพราะนอกจากไข่จะช่วยให้ร่างกายคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณสารซีลีเนียมและวิตามินอี ในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณอ้วนอีกด้วย ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาสเตท พบว่า คนที่รับประทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่รับประทานไข่ในมื้อเช้าได้ถึง 65 % เมื่อบริโภคแคลอรี่ในปริมาณที่เท่ากัน โปรตีนในไข่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มขึ้นถึง 50%

              ถ้าคุณอยากสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ต้องกังวล เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม พบว่า การทานไข่วันละ 3 ฟอง เป็นเวลา 2 วัน ต่อสัปดาห์จะช่วยหนุ่มนักเล่นเวตสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้เป็น 2 เท่าในช่วงเวลา 12 สัปดาห์ โปรตีนจากไข่ เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่มีความสำคัญต่อการสร้างเนื้อเยื่อให้กับร่างกายธาตุเหล็ก มีมากในไข่แดง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและนำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย

              แล้วเรื่องคอเลสเตอรอลล่ะ "จริงค่ะ ไข่มีคอเรสเตอรอล" พาเมลา ไดสัน นักโภชนาการแห่งสมาคมโภชนาการประจำสหราชอาณาจักร กล่าว"แต่จัดว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับ คอลเรสเตอรอลในเลือด เมื่อเทียบกับปริมาณไขมันอิ่มตัวที่คุณบริโภคอยู่ทุกวัน" นอกจากนี้ผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ของมหาวิทยาลัยคอนเนติคัตยัง พบว่า การทานไข่ช่วยลดคอเรสเตอรอล LDL (ไม่ดี) เพิ่มคอเรสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้

            -โคลิน (choline) ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ในเรื่องความจำและการเรียนรู้

            - กรดโฟลิค (folic acid) วีตามินบี 6 บี12 ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีน (homocysteine) ซึ่งถ้ามีมากจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ

            - สังกะสี มีบทบาทสำคัญกับการเจริญเติบโต ช่วยสร้างเอ็นไซม์ ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

           - ซัลเฟอร์ ช่วยลดการอักเสบ และขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

           - แมกนีเซียม ช่วยในการเจริญเติบโต และบำรุงรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังช่วยในการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายด้วย

           - แคลเซียม วิตามินเอ ดี อี เค ไนอะซิน โพแทสเซียม โซเดียม และไขมัน ซึ่งล้วนจำเป็นต่อร่างกาย

              ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrution ไข่ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย อาจส่งผลร้ายได้เหมือนกัน ถ้าคุณรับประทานมากกว่า 1 ฟองต่อวัน ติดกัน ทุกวัน "ขณะที่การบริโภคไข่สูงสุด 6 ฟองต่อสัปดาห์ไม่ได้ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต ในทางตรงกันข้ามถ้าบริโภค 7 ฟองหรือมากกว่านั้นภายใน 1 สัปดาห์ จะไปเพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 23 เปอร์เซ็นต์

น้อยกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ไม่ เพียงพอ
6 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ปริมาณที่พอดี
                                           
                                                       **************
            พักสมองกันหน่อย

                 ใครกันแน่ ที่ตั้งไข่?


ตั้งเอ๋ย  ตั้งไข่  จะตั้งใย ไข่กลม ก็ล้มสิ้น

ถึงว่า ไข่ล้ม จะต้มกิน  ถ้าตกดิน เสียก็อด หมดฝีมือ

ตั้งใจ เรานี้ จะดีกว่า  อุตส่าห์ อ่านเขียน เรียนหนังสือ

ทั้งวิชา สารพัด   เพียรหัดปรือ   อย่าดึงดื้อ   ตั้งไข่   ร่ำไรเอย ฯ

                                                                     ผู้แต่ง:สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
                                           
                                                         ***************

มีอะไรอยู่ในไข่ 1 ฟอง
ช่องอากาศ (Air Cell) คือพื้นที่ว่างระหว่างไข่ขาวกับเปลือก ซึ่งปรากฏอยู่ที่ปลายด้านป้านของไข่ เมื่อแม่ไก่ออกไข่มาใหม่ๆ ไข่จะมีความร้อน เมื่อมันเย็นลงจึงทำให้เกิดช่องอากาศขึ้น ช่องอากาศนี้จะเป็นตัวบ่งบอกอายุไข่ เพราะเมื่อไข่มีอายุมากขึ้น ความชื้นและ คาร์บอนไดออกไซด์จะระเหยออกตามรูพรุนของเปลือกไข่ ทำให้มีอากาศเข้าไปแทนที่ ทำให้ช่องอากาศกว้างขึ้น

ไข่ขาว (Albumen) มีลักษณะเป็นวุ้นสีขาวขุ่นรอบไข่แดง เป็นของเหลวหลักของเนื้อไข่ (ประมาณ 67%)ในไข่ขาวมีองค์ประกอบเป็นโปรตีนมากกว่าครึ่งของโปรตีนรวมในไข่ มีไนอะซีน ไรโบฟลาวิน โคลีน แมกนีเซียม โปแตสเซียม โซเดียม และซัลเฟอร์ ลักษณะของไข่ขาวก็สามารถบอกอายุไข่ได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อไข่มีอายุมากขึ้น โปรตีนในไข่ขาวเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทำให้เนื้อไข่ขาวเหลวขึ้น จึงทำให้ไข่แดงแบนราบลงด้วยเพราะไข่ขาวไม่สามารถโอบอุ้มไว้ได้

ไข่แดง (Yolk) เป็นส่วนที่เป็นสีเหลืองในไข่ ในไข่แดงประกอบไปด้วยวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ เอ ดี และ อี รวมทั้ง โคลีน ลูทีนและซีแซนทีน ส่วนแร่ธาตุที่พบมากในไข่แดง ได้แก่ ฟอสฟอรัส เหล็ก และโฟเลต

จุดเลือด หรือจุดเนื้อ (Blood Spots) บางครั้งก็สามารถพบได้ในไข่แดง คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว แต่มันเกิดอุบัติเหตุจากการที่เส้นเลือดที่ผิวไข่แดงแยกออกจากกันในกระบวนการสร้างไข่ หรือมีเลือดออกที่ผนังรังไข่ก็เป็นได้ แต่จะมีไข่ไม่ถึง 1% ที่มีจุดเลือดดังกล่าว

แล้วไข่พวกนี้ล่ะ คุณรู้จักมั้ย

ไข่ต้ม เป็นอาหารจากไข่ของสัตว์ปีกหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่นิยมรับประทานคือ ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทา ทำโดยแช่ไข่ในภาชนะที่มีน้ำ ให้ความร้อนจนเดือด เนื้อไข่ที่เหลวจะแปรสภาพเป็นของแข็ง ถ้าต้มไม่สุก เรียกว่า ไข่ลวก ซึ่งนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า ถ้าไข่ขาวสุกแต่ไข่แดงไม่สุก (ต้ม 7-8 นาที) เรียกว่า ไข่ต้มยางมะตูม

• ไข่ต้มนำไปทำอาหารต่อยอด เช่น ไข่ลูกเขย ไข่พะโล้ หรือนำมาทำยำไข่ต้ม ไข่ปิ้ง บางที่ ก็ใช้ไข่ต้มมาเสียบไม้ปิ้ง บ้างก็นำไปรับประทานกับสลัดผัก โดยนิยมหั่นเป็นแว่นๆ

• ไข่ต้มนำมาใช้เป็นเครื่องบวงสรวง เช่น เสียบยอดบายศรี ประเพณีแต่งงานบางที่ก็มีการป้อนไข่ต้มระหว่าง เจ้าบ่าว เจ้าสาว

• ไข่ต้มยังเป็นที่นิยมใช้ของแก้บนพระพุทธโสธร โดยมักถวายไข่ต้ม 100 ฟอง

• คนจีนถือว่าไข่เป็นของนำโชค ที่ต้องมีการต้มแจกเมื่อได้สมาชิกใหม่ในครอบครัว เพราะไข่เป็นทั้งหยิน และหยางในลูกเดียว มีทั้งด้านมืด ด้านสว่าง ทั้งเย็นและร้อน

• การต้มไข่ยังสามารถเป็นกิจกรรมในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีน้ำพุร้อนอีกด้วย

ไข่เยี่ยวม้า คือ การแปรรูปไข่เพื่อการบริโภครูปแบบหนึ่งของคนจีนที่มีมาแต่โบราณกาล โดยการใช้กรรมวิธีทำให้เป็นด่างถือว่าเป็นการถนอมอาหารรูปแบบหนึ่ง สามารถทำได้กับไข่เป็ด ไข่ไก่ และไข่นกกระทา โดยนำไข่ไปแช่หรือหมักในส่วนผสมที่มาจาก ใบชา ปูนขาว เกลือป่น ขี้เถ้า แกลบ ฯลฯ ซึ่งใช้เวลาในการหมักประมาณ 10-15 วัน ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้

เชื่อกันว่าไข่เยี่ยวม้าเป็นอาหารบำรุงร่างกาย บำรุงโลหิตทำให้เจริญอาหาร ผู้ผลิตบางรายอาจใส่สารตะกั่วในรูปตะกั่วซัลไฟต์ลงไปด้วยเพื่อควบคุมความเป็นกรดด่างของไข่ สารตะกั่วนี่เองที่ทำให้ไข่เยี่ยวม้าเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัย ถ้ามีสารตะกั่วอยู่จะสังเกตได้จากส่วน ของไข่ขาวจะมีสีดำมาก ลักษณะขุ่น ส่วนไข่เยี่ยวม้าที่ไม่มีตะกั่วซัลไฟด์ ไข่ขาวจะมีสีน้ำตาลคล้ำและมีลักษณะใส ซึ่งถ้าพบไข่เยี่ยวม้ามีลักษณะ ไข่ขาวขุ่นไม่ใสก็ควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทาน

การทำไข่เยี่ยวม้านั้นได้รับการสัณนิษฐานว่าถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกทางตอนใต้ของประเทศจีน

ไข่เค็ม เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง โดยมากมักจะใช้ไข่เป็ด แล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือหรือนำไปพอกด้วยวัสดุที่ผสมเกลือเพื่อให้เกลือซึมเข้าไปในเนื้อของไข่ เพื่อให้สามารถเก็บไข่ไว้ได้นานขึ้น

แหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง

• อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะใช้ดินจอมปลวกร่อนผสมกับเกลือและน้ำ และจะใช้ไข่เป็ดจากอำเภอไชยาเท่านั้น[1]

• อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี จะใช้ดินสอพองผสมเกลือและน้ำแล้วนำมาพอกไข่

ขนมไข่นกกระทา คือ ขนมชนิดหนึ่ง เป็นขนมที่นิยมมากในอดีตตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา แม้กระทั่งรัตนโกสินทร์ จนถึงปัจจุบันเพราะสามารถทำได้ง่าย ราคาถูก และมีรสชาติติดปาก รับประทานง่าย มีลักษณะเป็นก้อนกลม สีเหลืองอ่อน ทำด้วยแป้งมัน แล้วนำไปทอด รสชาติหอมหวานมัน ข้างนอกจะแข็ง ข้างในนุ่ม นิยมขายตามร้านกล้วยทอด เผือกทอด มันทอด ข้างทาง บางพื้นที่อาจจะเรียกว่า ขนมไข่เต่า

ไข่ข้าว เป็นอาหารชนิดหนึ่ง ได้จากไข่ของสัตว์ปีก ได้แก่ ไก่หรือเป็ด ที่ไข่ไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ อาจจะเนื่องจากการผสมของเชื้อไม่สมบูรณ์ หรือมีการผสมเชื้อที่สมบูรณ์แล้ว มีการพัฒนาเป็นรูปร่างของตัวอ่อนในระยะวัยต่างๆแล้ว แต่ไม่ฟักออกมาเป็นตัวซึ่งเรียกว่า "ตายโคม" ไข่เหล่านี้สามารถนำมารับประทานได้โดยการต้มให้สุกในลักษณะเดียวกับไข่ต้ม การรับประทาน โดยปอกเปลือกออกแล้วรับประทานแบบไข่ต้ม โดยจะทานกับน้ำจิ้มด้วยก็ได้ น้ำจิ้ม ประกอบด้วย

ทายนิสัยจากเมนูไข่

ไข่เจียว คน ที่ชอบไข่เจียวเป็นคนที่มีความยุติธรรม เป็นนักคิดและนักวางแผน มักคิดเป็นระบบและทำอะไรอย่างมีระบบระเบียบ มีความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง

ไข่ดาว คุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย และมีความมานะพยายามมาก แถมยังเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ไม่รอให้ส้มหล่นเพราะคุณจะไขว่คว้าหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง

                  ไข่ต้ม คน ที่ชอบกินไข่ต้มมักเป็นคนที่มีความอดทนสูงใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
                  ทำงานอะไร สักอย่างหนึ่งก็จะต้องพยายามทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นเพื่อความสบายใจ

ไข่ลวก คนที่ชอบกินไข่ลวกมักเป็นคนไม่เรื่องมาก รักความสะอาด ไม่สนใจเรื่องจุกจิกหยุมหยิม จึงเป็นที่ชื่นชอบของคนใกล้ชิด แต่เป็นคนใจร้อนไปหน่อยนะ

ไข่ยัดไส้ คุณ เป็นคนชอบการท่องเที่ยว แต่ต้องเที่ยวแบบสบายๆ นะ เพราะคุณขาดความอดทนนั่นเอง ดังนั้นคุณจึงไม่ชอบงานที่ทุ่มเทมาก ข้อดีคือ มักคิดเตรียมการล่วงหน้าเสมอ


บทส่งท้าย                       คุณรู้จัก *ดอกไข่ดาว* มั้ย



                                          เรื่อรายพรายแพรวแก้วเกสร                        ลอออ่อนอ่อนอ่อนละอองอบ

                                สุคนธรสเร้า รบเร้ารบ                                 ค่อยประคบประคองชื่นเมื่อลมชาย

  ละกลีบราวดาวไขแสงพรายพริ้ง                เจ้าเกาะกิ่งฟ้าสูงจูงใจหาย

  ละใบแบ่งแจงใบกรุยกรายกราย                  ราวจะร่ายรำเริงระเริงรำ

  แม่ฟ้าหว่านดาวสะพรั่งดาว                         เมฆขาวคลี่ค่ำเมื่อคืนค่ำ

  โคมเดือนไขโคมประคำคำ                           ร่วงน้ำตาพราวพะพรายพราว

   หยาดน้ำค้างหญ้าทุกยอดหญ้า                     บอกข่าวจากฟ้าเวหาหาว

   ดอกฟ้าสาธยายนิยายยาว                             ฤาดอกไข่ดาวบอกข่าวใด



   เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์: ประพันธ์







Read More......

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ก เอ๋ย ก ไก่

ทุกคนที่เริ่มเรียนภาษาไทย จะเริ่มจากการท่องจำตัวอักษร ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก
คนไทยส่วนมากจะคุ้นเคยกับบทท่องจำ ก ไก่ ฉบับ ประชาช่างที่ท่องว่า

+++++++++ไก่ ของประเทศไทย ฉบับ ประชาช่าง
ก เอ๋ย ก ไก่ /ข ไข่ ในเล้า / ฃ ฃวด ของเรา / ค ควาย เข้านา
ฅ ฅน ขึงขัง / ฆ ระฆัง ข้างฝา /ง งู ใจกล้า / จ จาน ใช้ดี
ฉ ฉิ่ง ตีดัง / ช ช้าง วิ่งหนี / ซ โซ่ ล่ามที / ฌ กะเฌอ คู่กัน
ญ หญิง โสภา / ฎ ชฎา สวมพลัน / ฏ ปฏัก หุนหัน / ฐ ฐาน เข้ามารอง
ฑ นางมณโฑ หน้าขาว / ฒ ผู้เฒ่า เดินย่อง / ณ เณรไม่มอง / ด เด็ก ต้องนิมนต์
ต เต่า หลังตุง / ถ ถุง แบกขน / ท ทหาร อดทน / ธ ธง คนนิยม
น หนูขวักไขว่/ บ ใบไม้ ทับถม /ป ปลา ตากลม/ ผ ผึ้งทำรัง
ฝ ฝา ทนทาน/ พ พาน วางตั้ง/ ฟ ฟัน สะอาดจัง/ ภ สำเภา กางใบ
ม ม้า คึกคัก / ย ยักษ์ เขี้ยวใหญ่ / ร เรือ พายไป/ ล ลิง ไต่ราว
ว แหวน ลงยา / ศ ศาลาเงียบเหงา / ษ ฤษีหนวดยาว / ส เสือ ดาวคะนอง
ห หีบใส่ผ้า / ฬ จุฬา ท่าผยอง / อ อ่าง เนืองนอง / ฮ นกฮูกตาโต

ประเทศลาว มีภาษาและตัวอักษรเป็นของตนเองเช่นเดียวกับ
ไทยลาวก็มีบทท่องจำ ก-ฮ (ก ไก่ ถึง ฮ เฮือน)




++++++++++ก ไก่ ประเทศลาว

ก ไก่ /   ข ไข่ /    ค ควาย / ง งัว / จ จอก (แก้ว)
ส เสือ / ซ ซ้าง (ช้าง) / ญ ญุง (ยุง) / ด เด็ก
ต ตา / ถ ถง(ถุง) / ท ทง (ธง) / น นก
บ เบ้ (แพะ) / ป ปา (ปลา) / ผ เผิ้ง (ผึ้ง) / ฝ ฝน
พ พู (ภู)       / ฟ ไฟ           / ม แมว         / ย ยา
ล ลิง   / ว วี (พัด) / ห ห่าน / อ โอ่ง / ฮ เฮือน (บ้าน)

แถมท้ายอีกนิดนึง เคยอ่านเจอภาษาลาวบางคำ บางประโยค ที่ใช้ภาษาอย่างเรียบง่ายเข้าใจง่าย ใช้คำได้ตรงเรียกว่ามองเห็นภาพได้เลย จึงขอนำมาลงให้อ่านกันและด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง ผู้เขียนมิได้มีเจตนาลบหลู่ ทั้งภาษาและเจ้าของภาษาแต่อย่างใด



******ภาษาไทย *************ภาษาลาว

ไฟจราจรสีแดง****************ไฟอำนาจ(เราต้องหยุด)
ไฟจราจรสีเหลือง************* ไฟวัดดวง / ไฟลังเล
ไฟจราจรสีเขียว*************** ไฟอิสระ / ไฟสลายตัว
ผ้าเช็ดหน้า*******************ผ้าอนามัย
ผ้าอนามัย********************ผ้ายันต์กันโลหิต
ห้องคลอด********************ห้องประสูติ
ห้องฉุกเฉิน*******************ห้องมรสุม
ห้องผ่าตัด********************ห้องปาด
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด**********ผู้บัญชาการทหารสูงลิ่ว
ค่าตั๋ว(บัตรผ่านต่างๆ) ***********เสียค่าปี้
นางงาม********************** นางสังขาร
นางงามตกรอบ 20 คนสุดท้าย ****นางไม่เจียมสังขาร
นางงามตกรอบ 5 คนสุดท้าย******นางไม่เจียมกะลาหัว
ผัว /เมียหลวง******************ผัว /เมียถาวร
ผัว /เมียน้อย*******************ผัว /เมียบุญธรรม
ซุปเปอร์แมน(ภาพยนตร์)**********บักอึดถลาลม
รักจริงๆให้ดิ้นตาย(ภาพยนตร์)****** ฮักคักคัก ซักแหงกๆ
หนูน้อยพเนจร****************** บักหำน้อยตุหรัดตุเหร่(ทุลักทุเล)
จูราสสิคพาร์ค(ภาพยนตร์)********* กะปอมพยศ
ไททานิค(ภาพยนตร์) *************ชู้รักเรือล่ม
FACE OFF ********************หน้าข้อยอยู่ปู๊น หน้าเปิ้นอยู่นี่
SPEED************************เบรก บ่ อยู่
เชือดเชือดนิ่มนิ่ม****************ปาดปาดเนิบเนิบ
ร้านถ่ายรูป********************* ฮ้านแหกตา
ถ่ายรูปเดี่ยว******************** แหกตา
ถ่ายรูปหมู่**********************แหกตาสามัคคี
ระวัง (เตรียมตัว-แข่งกีฬา)******** โก่งดาก
เข้าที่(แข่งกีฬา) *****************เข้าซ่อง
ลูกฟุตบอล********************* ลูกเตะบาน
ลูกบาสเก็ตบอล***************** ลูกบานบ่วง
หลอดกาแฟ******************** ท่อดูด
ขนมปัง************************ ข้าวจี่
น้ำแข็ง************************ น้ำก้อน
หลอดฟลูออเรสเซนส์*************ข้าวหลามแจ้ง
รถไฟ************************** ห้องแถวไหล
เลี้ยวซ้าย/เลี้ยวขวา************** แหกซ้าย/แหกขัว
อร่อย************************* แซบ
JOHNY WALKER **************บักจอนย่าง
กระทรวงการต่างประเทศ***********กระทรวงพัวพันภายนอก
น้ำพุ***************************น้ำแตก

กกกกกกกกกกกก         กกกกกกกกกกกกกกกกก       กกกกกกกกกกกกกกกก



ธรรมะ
จากท่านพุทธทาส อินทปัญโญ



อาจารย์ไก่
ถ้าคนเราเปรียบเหมือนไก่ให้ดูดี มันไม่มีนอนไม่หลับไม่ปวดหัว
ไม่มีโรคประสาทประจำตัว โรคจิตไม่มากลั้วกับไก่น้อย
คนในโลกกินยาเป็นตันตัน พวกไก่มันไม่ต้องกินสักแต่น้อย
หลับสนิทจิตสบายร้อยทั้งร้อย รู้สึกน้อยแห้งน้ำใจอายไก่เวย
ได้เป็นคนหรือจึงได้นอนไม่หลับ ควรจะนับว่าเป็นบาปหรือบุญเหวย
มีธรรมะกันเสียนะอย่าละเลย อยู่เสบยไม่ละอายแก่ไก่มัน


คำกลอน ก ไก่



พระเทพวิสุทธิเมธี ป.ธ.9 (เจ้าคุณเที่ยง) เจ้าคณะภาค 11 วัดระฆังโฆสิตาราม

๐ เอ๊กอิเอเอ้กเสียงนี้มีความหมาย  เป็นจุดขายเงินตรามหาศาล
มันคือไก่ขุมทองของรัฐบาล         ยอดอาหารคู่โลกโภคภัณฑ์
กะต๊ากกะต๊ากแซ่เสียงแม่ไก่        ยามออกไข่ถ่ายฟองเป็นของขวัญ
ให้เราท่านทั่วถิ่นได้กินกัน            รสนิ่มมันทอดปรุงบำรุงพลัง
ไก่ธุรกิจทำเงินเกินคาดหมาย        เรื่องซื้อขายกำไรสมใจหวัง
เสี่ยโกเฮงซีพีเศรษฐีดัง               บ้านดุจวังเพราะขายไก่ได้ราคา
๐ เป็นเศรษฐีเพราะไก่สมใจนึก      ทุกคนคึกอยากรวยด้วยตัณหา
ปลูกโรงไก่เล้าไก่เต็มไร่นา            เป็นสินค้าขายออกทั้งนอกใน
ต่างคนต่างอยากรวยฉวยโอกาส      จิตหมายมาดมุ่งรับทรัพย์ลื่นไหล
เงินทองสะดวกโดยโกยกำไร          เศรษฐีไก่สมอยากบ่ยากเย็น
บางคนโง่ซื่อบื้อเรื่องซื้อขาย           พบฉิบหายฉับพลันทันตาเห็น
จนเพราะการค้าน้ำตากระเด็น          ช้ำลำเค็ญร้องว่าไก่ฆ่ากู
ไข้หวัดนกระบาดอนาถจิต              ไก่เกิดติดโรคร้ายตายจมหู
ถูกฝังเผาเป็นล้านบานตะกู              เป็ดห่านหมูเนื้ออร่อยพลอยล้มตาย
๐ โรคห่าล่าชีวิตให้ปลิดปลด           ไก่กำสรดอยู่ไปไร้ความหมาย
โรคแลคนรุมล่าฆ่าวอดวาย             ทารุณร้ายสุดอนาถชาติไก่เอย
ไก่กับคนผูกพันกันนานมา               ครั้งปู่ย่าเราท่านขานเฉลย
เห็นไก่อยู่กับไก่ไม่ห่างเลย              ทุกคนเคยเลี้ยงไก่กินไข่แดง
ไก่เป็นอาหารเป็นเพื่อนเตือนให้คิด     ขันสะกิดรับสุรีย์ทอสีแสง
จ้องดูเราดุจแม่พ่อคอตะแคง             คล้ายชี้แจงความเป็นมิตรนิจนิรันดร์
อรุณรุ่งเรืองรองท้องฟ้าใส                นกกาไก่เกาะกลุ่มชุมนุมขัน
บ้านหรือวัดเซ็งแซ่แต่ละวัน               สัตว์คู่ขวัญชีวิตจิตวิญญาณ
๐ มันมองเราเรามองมันด้วยหรรษา      คนเมตตาหยิบโปรยโรยอาหาร
มีของกินผลไม้ให้เป็นทาน                 ร้องเรียกขานคุ้นปากจากดวงใจ
สัตว์บ่เคยเป็นญาติกันนั้นบ่มี               พระชินสีห์ชี้แจงแถลงไข
ภพภูมิแห่งสงสารเนิ่นนานไกล            สัตว์เล็กใหญ่ล้วนญาติชาติผ่านมา
สันนิวาสเป็นญาติแต่ชาติก่อน             อดีตย้อนผูกใจใฝ่ปรารถนา
เกิดสำนึกมั่นหมายร่วมชายคา             แรงตัณหาอยากหวังฝังรูปนาม
๐ ฆ่าเป็ดกินเป็ดตายเกิดเป็นเป็ด           ผลชั่วเผล็ดร้องก๊าบบาปแห่หาม
เวรกรรมรุมประชิดรุกติดตาม                คอยคุกคามเข่นฆ่าน้ำตานอง
คนฆ่าไก่กินไก่เกิดเป็นไก่                    บาปล่าไล่สู่ปูมภูมิสยอง
เกิดตายเท่าขนไก่ไร้ต่อรอง                  ฆ่าหมูต้องเป็นหมูคู่เวรกัน
เกิดเป็นหมูหมากาไก่ให้ประโยชน์          แต่ทุกข์โทษคุกคามนามรูปขันธ์
ยิ่งเกิดยิ่งพอกโง่จมโลกันต์                   บาปโมหันธ์มืดมิดปิดทางเดิน
สมองหมูหมากาไก่ไร้คุณภาพ                แต่เอิบอาบด้วยคลื่นเบาตื้นเขิน
ขาดสติยับยั้งพลังเกิน                         งมงายเพลินโลกแล่นแดนอบาย…….
๐ จุติสู่ภพภูมิปูมนรก                           ดุจดาวตกพุ่งลับแสงดับหาย
มืดมิดมหัศจรรย์สุดบรรยาย                  ยมทูตร้ายล้อมรุมอุ้มแห่ไป
ต้องทนทุกข์ทรมานเนิ่นนานช้า              มิรู้ว่าสุดกู่อยู่หนไหน?
คุกนรกสุดสยองล้วนกองไฟ                  ร่างเผาไหม้เกิดใหม่ใช้โทษทัณฑ์
มรสุมเวรกรรมกระหน่ำหนัก                   ภูติผีทักหมาเห่าเขย่าขวัญ
วิญญาณไก่เป็ดห่านขานพร้อมกัน           เซ็งแซ่ลั่นโจทก์จี้ทวงหนี้บุญ
ญาติปู่ย่าตายายที่ตายไป                      เกิดเป็นไก่หมาหมูอยู่ใต้ถุน
ผลวิบากกรรมโหดโทษทารุณ                 ลูกหลานขุ่นฆ่าขายหมายเงินทอง
๐ อันเวรกรรมทำไว้ในไตรจักร์                เบาหรือหนักพอกพูนคูณสนอง
ปราศจากมิตรศัตรูผู้ปกครอง                  คอยจับจ้องล้างผลาญสถานเดียว
กรรมที่สร้างไว้เสร็จสำเร็จผล                 ควบคุมคนผู้สร้างอย่างแน่นเหนียว
อยู่ทิศไหน?เคียงข้างไม่ห่างเชียว            เกาะกุมเกี่ยวแสดงผลให้ยลยิน
พลังเวรพลังกรรมทรงอำนาจ                 ไม่คลาคลาดตามติดนิจสิน
ถึงเวลารุกถล่มร่างจมดิน                       ไม่สุดสิ้นชาติภพจบไม่เป็น
ยุติคำกลอนเรื่องไก่ไว้เท่านี้                    ขอน้องพี่ทั้งหลายคลายทุกข์เข็ญ
พ้นจากความอดอยากยากลำเค็ญ            ได้พบเห็นพวกไก่ให้เมตตา ฯ…….
(จาก นสพ.ธรรมะ สาส์นสวรรค์ ประจำวันที่ 1-30 เมษายน 2547)


นิทานธรรม ก ไก่

ไก่โต้งเสียงดี
ขโมยคนหนึ่งย่องเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง แต่ขโมยอะไรไม่ได้
พอดีเหลือบไปเห็นไก่โต้งตัวหนึ่ง จึงจับไก่ตัวนั้นติดมือมาหมายจะฆ่ากิน
ไก่โต้งร้องขอชีวิตจากขโมยว่า
โปรดไว้ชีวิตฉันเถิด ฉันเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ ทุก ๆ เช้า

ฉันจะขันปลุกมนุษย์ให้ตื่นขึ้นทำงาน
เจ้าหัวขโมยได้ยินไก่โต้งพูดเช่นนี้ ก็โกรธมาก กล่าวว่า
ก็เพราะแกปากโป้ง ชอบขันปลุกชาวบ้าน ฉันจึงขโมยอะไรไม่ได้นะสิ

 เพราะฉะนั้น ฉันจะต้องเชือดแกทิ้งเสีย

จาก หนังสือนิทานเตือนสติ






นิทานดาวลูกไก่

นิทานดาวลูกไก่ในตำนานไทยเล่าว่า มีตายายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในป่า วันหนึ่งมีพระธุดงค์ผ่านมา คิดจะหาอาหารไปถวาย แต่เนื่องจากอยู่ในป่าไม่มีอาหารดีๆ จึงหารือกันจะฆ่าไก่ที่เลี้ยงไว้เพื่อไปทำอาหารถวาย แม่ไก่ได้ยินก็สั่งเสียลูกไก่ทั้งหกตัวให้รักษาตัวให้ดี ตัวเองต้องแทนคุณตายายที่เลี้ยงดูมา เมื่อถึงเวลาตายายฆ่าแม่ไก่ ลูกไก่ก็กระโดดเข้าเตาไฟตายตามแม่ไปด้วย เทพยดาเห็นแก่ความกตัญญู จึงให้แม่ไก่และลูกไก่ทั้งหมดขึ้นไปเป็นดาวอยู่บนฟ้าเพื่อเตือนใจคน




สำนวนเกี่ยวกับไก่



ไก่เป็นสัตว์ที่คนคุ้นเคยมาช้านาน หากพิจารณาสำนวนในภาษาต่างๆ ทั่วโลกจะมีสำนวนที่เกี่ยวกับไก่อยู่ในภาษาต่างๆ ทุกภาษา ซึ่งให้แง่คิด สอนใจ เตือนใจ หรืออาจจะถึงขั้น 'เตะใจ' ใครบางคนได้ เรื่องของไก่จึงไม่ใช่เรื่องของไก่เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของคนเสียมากกว่า

ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง           -  หมายถึงคนจะงามต้องอาศัยการแต่งด้วย
'ไก่ขัน' หรือ 'ไก่โห่'                                   -   แปลว่า เวลารุ่งสาง บางทีก็ใช้ว่า หัวไก่โห่   เช่นใช้ว่า 'ตื่นมาตั้งแต่ ไก่โห่' สำนวนนี้มีที่มาจากธรรมชาติของไก่ที่ต้องขันตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง
ไก่ขึ้นรัง'                                                    - วิธีเลี้ยงไก่ของคนไทยสมัยก่อน ปล่อยให้ไก่อยู่ตามพื้นดิน เดินหาอาหาร พอตกเย็นไก่ก็บินขึ้นไปนอนบนที่สูง ซึ่งอาจจะเป็นรังบนต้นไม้ ไก่ซึ่งถือแสงอาทิตย์เป็นสำคัญ เมื่อพลบค่ำ ก็สำนวน บินขึ้นรัง
'ไก่ขึ้นรัง' จึงหมายถึงเวลาพลบค่ำหรือย่ำค่ำ

เรื่องไก่กับการบอกเวลา ยังมีสำนวนที่มีที่มาจาก นิทานเชียงเมี่ยง หรือศรีธนญไชย ดังเช่น สำนวน

'มาก่อนไก่' หรือ 'เอาไก่ผูกก้นมา'              - การมาสาย ในเรื่องศรีธนญไชยตื่นสาย มาเข้าเฝ้าไม่ทัน แต่ศรีธนญไชยกราบทูลว่าไม่ได้มาสาย แต่มา 'ก่อนไก่' แล้ว คือเอาไก่ผูกก้นลากตามมา เมื่อจะพูดถึงผู้มาสายจึงพูดว่า 'เอาไก่ผูกก้นมาหรือเปล่า'

สมภารกินไก่วัด                                          - ได้หญิงในปกครองเป็นภรรยา
'ไก่กินข้าวเปลือก'                                       - การกินสินบน โดยเปรียบว่าตราบใดที่ไก่กินข้าวเปลือก ตราบนั้นคน (บางอาชีพ) ก็ยังคงกินสินบนอยู่ตราบนั้น

ไก่บินไม่ตก                                                 - เป็นการกล่าวถึงบริเวณที่ปลูกบ้านกันอย่างหนาแน่นหลังคาบ้านแต่ละหลังชนกัน เกยกัน จนไก่ ซึ่งบินได้ในระยะสั้นๆ ก็ยังบินไม่ตก

'เป็ดขันประชันไก่'                                      
- สำนวนนี้เปรียบไก่กับเป็ดในแง่การขัน เป็ดโดยธรรมชาติขันไม่ได้ ถ้านำมาขันแข่งกับไก่ก็สู้ไม่ได้แน่นอน จึงเป็นสำนวนเปรียบเทียบว่าเมื่อไม่สามารถหาผู้ที่ดีมีความสามารถได้ก็ต้องเอาผู้ที่ด้อยหรือไม่มีความสามารถมาแทน หรือหมายความว่าเอาผู้ที่รู้ว่าด้อย ไม่มีความสามารถ ไม่เก่ง มาแข่งหรือประชันกับคนดีหรือคนมีความสามารถ เมื่อหาไก่ไม่ได้ก็ต้องใช้เป็ดแทน

'ปล่อยไก่'                                                   - แสดงความโง่เซ่อ เขลา เช่น 'ปล่อยไก่ตัว เบ้อเร่อ' คือ ทำเรื่องขายหน้าหรือแสดงความเขลา ไม่รู้เรื่อง

'ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่'                             - ต่างฝ่ายต่างก็รู้ความลับ ความไม่ดีของกันและกัน ไก่ไม่มีนม งูก็ไม่มีตีน เมื่อมองเห็นสิ่งที่ไม่เห็นของฝ่ายตรงข้าม จึงหมายถึงต่างฝ่ายต่างก็รู้ความลับของอีกฝ่ายหนึ่ง

ลายมือเหมือนไก่เขี่ย                                  - เปรียบเทียบคนที่เขียนหนังสือหวัดลายมือยุ่ง เหยิงอ่านยากหรืออ่านไม่ออก

'ตัดหางปล่อยวัด'                                         - ก็มีที่มาจากไก่เหมือนกัน หมายถึงการเลิกตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกัน ในสมัยโบราณ ไก่เป็นสัตว์ที่ใช้ในการเซ่นสังเวยในพิธีสะเดาะเคราะห์ การเอาไก่ไปปล่อยเป็นการสะเดาะเคราะห์ ขับไล่สิ่งเลวร้ายไปกับไก่ ใน กฎมณเฑียรบาล มีว่า

"อนึ่ง วิวาทตบตีฟันแทงกันให้โลหิตตกในพระราชวังก็ดี และหญิงสาวใช้ทาษไทยผู้ใดคลอดแท้งลูกในพระราชวังก็ดี ท่านให้มันพลีวัง ท่านให้ตั้งโรงพิธีสี่ประตู...ไก่ประตูละคู่...นิมนต์พระสงฆ์มาสวดพระพุทธมนต์สามวัน ให้หาชีพ่อพราหมณ์ซึ่งพลีกรรมมากระทำบวงสรวงตามธรรมเนียม...ครั้นเสร็จการพิธีแล้ว จึงให้เอาไก่นั้นไปปล่อยเสียนอกเมือง ให้พาเสนียดจัญไรไภยอุปัทว์ไปให้พ้นพระนครท่าน"

ไก่จึงต้องรับเคราะห์แทนคนที่ทำผิดพลาด ทำความเลวร้ายหรือมีเคราะห์กรรม การเอาไก่ไปปล่อยวัดก็เป็นการสะเดาะเคราะห์อีกวิธีหนึ่ง ใน ประกาศรัชกาลที่ 4 กล่าวถึง การนำไก่มาปล่อยวัดว่า "เมื่อคนที่มีศรัทธาคนถือการเสียเคราะห์ไก่เอาไก่ไปปล่อยวัดไม่ขาด" ก่อนจะปล่อยไก่ที่วัดจะต้องตัดหางไก่ก่อน หางของสัตว์เป็นส่วนสำคัญทำให้รูปงาม ถ้าขาดหางก็เสียโฉม ไก่ที่นำมาสะเดาะเคราะห์จึงต้องตัดหรือเด็ดหางไก่ให้ขาดแล้วจึงปล่อยไป ในเรื่อง อิเหนา พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2 ตอนปันหยีชนไก่กับอุณากรรณ มีกลอนว่า


"สองฝ่ายให้น้ำสรรพเสร็จ เสียเคราะห์ทำเคล็ดเด็ดหาง
ดีดมือถือไก่เข้าไปวาง ในกลางสังเวียนสนามพลัน"


การเด็ดหางหรือตัดหางไก่แล้วปล่อยไป เป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นที่มาของสำนวน
'ตัดหางปล่อยวัด'                           - หมายความว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เป็นธุระ เมื่อพ่อแม่ใช้กับลูก หมายความว่า 'เลิก ไม่เลี้ยงดู' ไล่ออกจากบ้าน

ไก่รองบ่อน หรือไก่สำรองบ่อน      - การเป็นตัวสำรอง
สถานที่ซึ่งจัดขึ้นเพื่อประลองความสามารถของไก่เรียกว่า "บ่อน" ก่อนชนจะต้องนำไก่มาเปรียบกันก่อน การเปรียบจะดูกันหลายอย่าง เช่น ขนาดตัว ข้อลำ น้ำหนัก และเดือย เป็นต้น ต้องดูว่าพอเหมาะพอสมกัน เจ้าของไก่จึงจะพอใจให้ไก่ชนกัน แต่ถ้าเปรียบแล้วหาคู่ชนไม่ได้ หากต้องการให้มีการแข่งขันก็อาจนำไก่ของทางบ่อนลงชน
ในการชนไก่ นอกจากไก่จะใช้ปากจิก ปีกกระพือตีกันแล้ว ยังมีการกระพือปีกยกตัวแล้วเอาหน้าแข้งตี อาวุธที่สำคัญคือ เดือยที่แข้งไก่ ซึ่งจะใช้แทงคู่ต่อสู้จนบาดเจ็บ ถ้าแทงถูกตาโดยตรงตาจะแตก ไก่ตัวที่ตาแตกมักยืนงง อาจจะเป็นเพราะมองไม่เห็น หรือเจ็บปวดบาดแผลที่ตาก็ตามแต่ จึงเกิดเป็นสำนวน
งงเป็นไก่ตาแตก                           - เปรียบเทียบกับอาการของคนที่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อตกอยู่ในสถาณการณ์ใดสถาณการณ์หนึ่ง เมื่อไก่ตาแตกบางครั้งก็จะมีการเย็บเปลือกตาให้บาดแผลปิด ไม่ให้ร่องแร่งเหวอะหวะ
การสู้เย็บตา                                 - สู้จนถึงที่สุด ไม่ถอย ไม่ย่อท้อ ต่อมาสำนวนนี้ได้แปรมาเป็น สู้ยิบตา ในปัจจุบันจะได้ยินสำนวน "สู้ยิบตา" มากกว่า "การสู้เย็บตา" แบบดั้งเดิม

ไก่อ่อน                                        - หมายถึงผู้อ่อนหัดยังไม่ชำนาญ ยังสู้เขาไม่ใคร่ได้

ไก่แก่แม่ปลาช่อน                        - ใช้เปรียบกับหญิงมีอายุที่ช่ำชอง มีมารยาเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ นานา สำนวนนี้ กาญจนา นาคพันธุ์ ได้สันนิษฐานไว้ว่า เดิมน่าจะเป็น กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนเพราะมีกล่าวอยู่ในวรรณกรรมเก่าๆ หลายเรื่อง เช่น บทพระราชนิพนธ์คาวีในรัชกาลที่สองกล่าวไว้ว่า

 "ไม่พอทีตีวัวกระทบคราด                สัญชาติกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน
 แสร้งสบิ้งสะบัดตัดรอน                   จะช่วยสอนให้ดีก็มิเอา" 
หรือในเรื่องพระอภัยมณีก็กล่าวว่า
" กระต่ายแก่แต่ละคนล้วนกลมาก     ทั้งฝีปากเปรื่องปราชญ์ฉลาดเฉลียว"

น้ำลายไก่                                      - ไก่เป็นสัตว์ตัวเล็ก จึงเชื่อว่าไก่มีน้ำลายน้อยมาก น้อยเหลือเกิน คนโบราณจึงใช้สำนวนเปรียบว่าเท่าน้ำลายไก่


ไม่ใช่ขี้ไก่                                      - ขี้ไก่เป็นสิ่งที่คนเห็นกันทั่วไป เพราะไก่จะคุ้ยเขี่ยหากินตามพื้นดิน ขณะเดียวกันก็ถ่ายของเสียไปเรื่อยๆ ขี้ไก่มีขนาดไม่ใหญ่โต บางครั้งเมื่อคนเดินผ่านอาจไม่ทันสังเกตเห็นจึงเหยียบไปโดยไม่รู้ตัว สำนวน ไม่ใช่ขี้ไก่ จึงเกิดขึ้นหมายถึงไม่ใช่สิ่งที่เหยียบย่ำได้ง่ายๆ เหมือนขี้ไก่ ไม่ใช่สิ่งเลวทรามต่ำช้า ไม่ใช่สิ่งที่เลว จะถูกดูหมิ่นไม่ได้ง่ายๆ

ไก่ได้พลอย                                   - ผู้ที่ไม่รู้จักคุณค่า หรือราคาของที่พบ

เจ้าชู้ไก่แจ้                                     - อาการของผู้ชายที่เกี้ยวผู้หญิงป้อไปมา เช่นไก่แจ้ที่เดินกรีดกรายป้อตัวเมีย

ซีดเป็นไก่ต้ม                                  -  เปรียบเทียบใบหน้าของผู้ที่ฟื้นจากไข้ หรือหวาดกลัว


ที่มา    วารสารกรมประชาสัมพันธ์

            ปีที่ ๑๑ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๔๘

            เนชั่นสุดสัปดาห์

            พินิจไทย / ตรีศิลป์ บุญขจร สถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ



**************************************************************************
Read More......